แป้งผสมรองพื้น แบรนด์ Kyst..แป้งรองพื้นสำหรับสาวไทย ใช้แล้วหน้าไม่วอก!!
สวัสดีค่ะทุกๆคน กลับมาเจอเฟิร์นอีกแล้วนะคะ วันนี้เฟิร์นจะมารีวิวผลิตภัณฑ์ตัวนึงค่ะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้เค้า
คือ แป้งพัฟผสมรองพื้นนั่นเองต้องบอกก่อนเลยนะคะว่า ตั้งแต่รีวิวมา เฟิร์นยังไม่เคยรีวิวผลิตภัณฑ์เมคอัพสำหรับตกแต่งใบหน้าจำพวกแป้งพัฟเลย พึ่งเคยรีวิวครั้งนี้ครั้งแรก ทั้งๆที่รีวิวมาก็ตั้งนานแล้ว 55 ประจวบเหมาะกับที่พึ่งได้แป้งพัฟตัวใหม่ตัวนี้มา เลยขออนุญาติหยิบแป้งพัฟผสมรองพื้นตัวนี้มารีวิวให้เพื่อนๆได้รู้จักกันค่ะ..
(ทั้งๆที่ใช้มาสักพักแล้ว จนฟองน้ำดำ พึ่งจะหยิบมารีวิว 555)
แป้งพัฟผสมรองพื้นตัวที่เฟิร์นกล่าวถึงนั้น มีชื่อว่า....
"Natural Matte Finish Foundation Powder SPF20 PA+++"
เป็นแป้งพัฟผสมรองพื้น จากแบรนด์ Kyst Cosmetic (คิสท์ คอสเมติก)
ซึ่งแบรนด์นี้ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางของไทย และแป้งผสมรองพื้นที่เฟิร์นนำมารีวิววันนี้
ก็ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เค้ามีมาวางจำหน่ายอีกด้วย
แป้งตัวนี้เค้าเคลมมาว่าออกแบบมาเพื่อสาวไทยโดยเฉพาะด้วยนะ
เหมาะสำหรับผิวของสาวไทยมาก คือตบแล้วเรียบเนียน กลืนไปกับสีผิว
อีกทั้งยังต้องเข้ากัับสีผิวของเราได้ดี มาพร้อมด้วย SPF20 PA+++
ช่วยปกป้องผิวเราจากแสงแดด ไม่ว่าจะเป็น UVA และ UVB
ช่วยปกป้องผิวเราจากแสงแดด ไม่ว่าจะเป็น UVA และ UVB
บางเบา แต่ปกปิด แถมยังกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่ทำให้เกิดคราบบนใบหน้า
ทำให้ผิวไม่อุดตัน และยังปราศจากน้ำมันและน้ำหอม
มีส่วนผสมจากสา รสกัดจากธรรมชาติถึง 6 ชนิด ได้แก่
ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสดูสุขภาพดี
2.Biosponge Hydractyl : สารสกัดชนิดใหม่ที่ได้จาก Honey Extract, Sodium PCA, SerineและGlycogen กลายเป็น Hydro-Glycolic จากธรรมชาติที่มีความสามารถคล้ายคลึงกับสารให้ความชุ่มชื้นใต้ผิวหนัง (NMF) มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นของผิว
3.Vitamin E : วิตามินที่มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของผิว ถนอมผิวให้ชุ่มชื้น พร้อมปกป้องและซ่อมแซมผิวจากการทำลายของแสงแดด
4.Lens Esculenta Seed Extract : สารสกัดจากเมล็ด Lentil อุดมไปด้วยสาร Olicosaccharides ช่วยลดการหลั่งของ Sebum ที่เป็นสาหตุของการเกิดสิวและช่วยลดการเกิดร่องรูขุมขน ลดและควบคุมความมันส่วนเกิน ทำให้ผิวกลับมาเรียนเนียนสดใสและช่วยให้ผิวเนียนละเอียดยิ่งขึ้น
5.Sericin Extract : สารสกัดจากรังไหมที่มีกรดอะมิโน 18 ชนิดที่ตรงกับ Natural Moisturizing Factor ที่พบตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ จึงช่วยรักษาความชุ่มชื้นพร้อมให้ความยืดหยุ่นกับผิว
2.Biosponge Hydractyl : สารสกัดชนิดใหม่ที่ได้จาก Honey Extract, Sodium PCA, SerineและGlycogen กลายเป็น Hydro-Glycolic จากธรรมชาติที่มีความสามารถคล้ายคลึงกับสารให้ความชุ่มชื้นใต้ผิวหนัง (NMF) มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นของผิว
3.Vitamin E : วิตามินที่มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของผิว ถนอมผิวให้ชุ่มชื้น พร้อมปกป้องและซ่อมแซมผิวจากการทำลายของแสงแดด
4.Lens Esculenta Seed Extract : สารสกัดจากเมล็ด Lentil อุดมไปด้วยสาร Olicosaccharides ช่วยลดการหลั่งของ Sebum ที่เป็นสาหตุของการเกิดสิวและช่วยลดการเกิดร่องรูขุมขน ลดและควบคุมความมันส่วนเกิน ทำให้ผิวกลับมาเรียนเนียนสดใสและช่วยให้ผิวเนียนละเอียดยิ่งขึ้น
5.Sericin Extract : สารสกัดจากรังไหมที่มีกรดอะมิโน 18 ชนิดที่ตรงกับ Natural Moisturizing Factor ที่พบตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ จึงช่วยรักษาความชุ่มชื้นพร้อมให้ความยืดหยุ่นกับผิว
และยังช่วยสร้างฟิล์มบางๆเคลือบผิวหนัง เป็นเกราะป้องกันแสงแดด
6.Kaolin : แร่โคลนจากธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยในการดูดซับความมันได้ดี
6.Kaolin : แร่โคลนจากธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยในการดูดซับความมันได้ดี
โดยส่วนตัว เมื่ออ่านคุณสมบัติของเค้าแล้วรู้สึกน่าสนใจดี เนื่องจากเฟิร์นคิดว่า
น่าจะตอบโจทย์สำหรับคนทีีมีปัญหาผิวหน้ามัน เป็นสิว รูขุมขนกว้างและอุดตันง่ายแบบเฟิร์น
พอเปิดออกมา..จะพบกับตลับแป้ง ที่มีลักษณะเป็นทรงกลม มีขนาดกระทัดรัด
จับถนัดมือ ตัวตลับเป็นสีฟ้าแบบพาสเทล น่ารักมาก ด้านหน้ามีโลโก้เขียนเป็นชื่อแบรนด์ติดไว้
ด้วยตัวหนังสืิอสีทอง รวมถึงตัวพลาสติกด้านในที่ปกปิดเนื้อแป้งด้วยเช่นกัน
ตัวตลับแป้ง แบ่งออกเป็น2ชั้น อย่างมีสัดส่วน ชั้นบนจะประกอบด้วยแป้งผสมรองพื้นแบบอัดแข็ง
ส่วนชั้นล่าง มีฟองน้ำมาให้ด้วย อยู่ในชั้นล่างสุด ลักษณะของฟองน้ำเป็นแบบวงกลม
มีสีขาว เนื้อฟองน้ำค่อนข้างแน่น ละเอียด สามารถติดเนื้อแป้งได้ดี
เมื่อสัมผัสบนผิว ไม่รู้สึกว่าหยาบ หรือระคายผิวจนเกินไป
เมื่อใช้ฟองน้ำกดลงบนผิวสามารถทำให้เมคอัพของเราแน่นขึ้น ติดทนกับหน้ามากขึ้น
และในส่วนของด้านล่างตลับ ยังมีรูสำหรับระบายอากาศ
เพื่อไม่ให้ฟองน้ำมีกลิ่น หรืออับชื้นอีกด้วย
แป้ง"Natural Matte Finish Foundation Powder SPF20 PA+++"
ตัวนี้มีทั้งหมดอยู่ 3 เฉดสีด้วยกัน คือ
1. #C1 LIGHT : สำหรับผิวขาว
2. #C2 BEIGE : สำหรับผิวสองสี (หรือผิวกลางๆ เหมือนผิวของเฟิร์น)
3. #C3 HONEY : สำหรับผิวเข้ม
ส่วนตัวเฟิร์นเป็นคนที่ไม่ได้มีสีผิวขาว ก็เป็นผิวแบบกลางๆ ตามแบบฉบับของสาวไทยทั่วไป
เลยเลือกใช้สี #C2 BEIGE ซึ่งสีนี้เหมาะสำหรับผิวสองสี หรือผิวแบบกลางๆ ไม่ขาวมาก
เมื่อลองสวอชเนื้อแป้งลงแขน สีผิวแทบไม่ต่างจากสีผิวเดิม เนื้อแป้งละเอียด เกลี่ยง่าย ไม่มีกลิ่น
มีความบางเบามากๆ แถมผิวตรงบริเวณที่ทา รู้สึกได้เลย ว่าเรียบเนียนขึ้นกว่าบริเวณแขนที่ไม่ได้ทา
เมื่อลองทดสอบทาแป้งลงบนผิว ทั้งแบบที่ไม่ได้ทาและทารองพื้น
จะเห็นได้ว่า สามารถปกปิดรอยสิวได้ค่อนข้างดี เมื่อยิ่งทารองพื้นก่อนการทาแป้งแล้ว
ยิ่งทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะทาแบบไหน สีผิวก็ดูไม่เปลี่ยน
แถมยังกลืนกับสีผิวและรองพื้นได้ดีอีก หน้าดูแมตขึ้น ช่วยดูดซับความมันบนผิว
เบาสบายผิว ไม่หนักหน้า ทั้งๆที่มันผสมรองพื้น..เริศมาก!!
สีแป้งบนใบหน้าก็ดูไม่โดดจากสีคอด้วยนะ ซึ่งที่คอไม่มีการทาด้วยแป้งใดๆทั้งสิ้น
ทำให้มองดูแล้วโดยรวมแล้วออกมาธรรมชาติมากๆ ไม่เทาหลีเลย!! อันนี้ชอบ 555
อ่ะ..ไหนๆก็๋ไหนๆ ขอลองใช้ให้ทั่วหน้าและลองแต่งหน้าดูสักหน่อย
อยากรู้ว่าทาทั่วหน้า และแต่งออกมาแล้วจะได้ผิวประมาณไหน
วันนี้ขอแต่งเป็นสไตล์แบบเกาหลีแล้วกันนะ ขอไม่เอาแบบเทาหลีนะ..กลัว!!
แต่งหน้าเสร็จเราก็มาทดสอบกันดีกว่า เห็นเค้าบอกว่าสามารถกันเหงื่อ กันน้ำด้วย แบบนี้ต้องลอง!!
โดยครั้งแรก เฟิร์นได้ทดสอบด้วยการราดน้ำตรงบริเวณใบหน้า จากนั้นลองถูหน้าเบาๆ
เมื่อลองทดสอบแล้ว ใบหน้ายังมีสภาพที่โอเคอยู่ กันน้ำได้โอเค แต่เรายังไม่สามารถรู้ได้เลย
ว่าแป้งตัวนี้กันเหงื่อได้โอเคไหม? ยังหนำใจเราค่ะ ดังนั้นเราต้องทดสอบแป้งอีกครั้ง
โดยการทาแป้งตัวนี้ก่อนออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น มาดูกันว่าเค้าจะกันเหงื่อ คุมมัน
และติดทนได้นานแค่ไหน ผ่านคลิปนี้กันค่ะ...
สรุปผลลัพธ์
ส่วนตัวค่อนข้างพึงพอใจในผลลัพธ์ เนื่องจากว่าเฟิร์นเป็นคนที่ิผิวมัน แบบมันมากๆแต่แป้งตัวนี้ไม่ทำให้หน้าเป็นคราบเลยทั้งๆที่เฟิร์นทามาทั้งวัน โดยไม่มีการตบแป้งเพิ่ม คือแต่งจากห้องยังไงก็เป็นแบบนั้น คือทาตั้งแต่เช้าจรดเย็น เมื่อกลับมาถึงห้องเชคหน้าดู ยังหลงเหลือแป้งบางๆปกปิดผิวอยู่
ถึงแม้จะมีแป้งหลุดบ้าง แต่โดยรวมก็ไม่หลุดหรือมีคราบจนมีสภาพหน้าที่แย่เป็นแบบสังขยา 555
ชอบที่สุดก็น่าจะเรื่องความบางเบาของแป้ง เป็นแป้งผสมรองพื้นที่ทาแล้วไม่หนักหน้าเลย แถมไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำหอม คืออ่อนโยนต่อผิว ทาแล้วกลืนไปกับสีหน้าผิว อันนี้เลิฟสุด ชอบมากๆ
ทำให้สามารถแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น เพราะจะใช้รองพื้นเฉดสีไหนตบแป้งทีเดียวก็เข้ากับสีผิว
อีกทั้งเค้าราคายังสามารถจับต้องได้ โดยตอนนี้เค้าโปรโมชั่นลดราคาพิเศษจากปกติ 589.-
ตอนนี้ลดเหลือเพียงตลับละ 489.- เท่านั้น!!หากใครสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ ตามช่องทางต่างๆ ของแบรนด์ Kyst Cosmetic ได้เลย ตามรายละเอียดด้านล่างนี้นะคะ
ถึงแม้จะมีแป้งหลุดบ้าง แต่โดยรวมก็ไม่หลุดหรือมีคราบจนมีสภาพหน้าที่แย่เป็นแบบสังขยา 555
ชอบที่สุดก็น่าจะเรื่องความบางเบาของแป้ง เป็นแป้งผสมรองพื้นที่ทาแล้วไม่หนักหน้าเลย แถมไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำหอม คืออ่อนโยนต่อผิว ทาแล้วกลืนไปกับสีหน้าผิว อันนี้เลิฟสุด ชอบมากๆ
ทำให้สามารถแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น เพราะจะใช้รองพื้นเฉดสีไหนตบแป้งทีเดียวก็เข้ากับสีผิว
อีกทั้งเค้าราคายังสามารถจับต้องได้ โดยตอนนี้เค้าโปรโมชั่นลดราคาพิเศษจากปกติ 589.-
ตอนนี้ลดเหลือเพียงตลับละ 489.- เท่านั้น!!หากใครสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ ตามช่องทางต่างๆ ของแบรนด์ Kyst Cosmetic ได้เลย ตามรายละเอียดด้านล่างนี้นะคะ
Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/kystcosmetic/
Inbox : Facebook Kyst Cosmetic หรือคลิก http://m.me/kystcosmetic
Line : @kystcosmetic หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/ %40kystcosmetic
Shopee : https://shopee.co.th/ kystcosmetic
CastleC สยามซอย 9 (ตรงข้ามศูนย์หนังสือจุฬา)
Email : kyst.cosmetic@gmail.com
Inbox : Facebook Kyst Cosmetic หรือคลิก http://m.me/kystcosmetic
Line : @kystcosmetic หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/
Shopee : https://shopee.co.th/
CastleC สยามซอย 9 (ตรงข้ามศูนย์หนังสือจุฬา)
Email : kyst.cosmetic@gmail.com
#kystwithoilskin #แป้งคิสท์กับผิวมัน #kystpowder #kystcosmetic
AitisWtau_ba Dave Black Download
ReplyDeletepenhymordmar